Customer Reviews

หนังสือที่ได้รวบรวมหลายหลายข้อความ หลากหลายสเตตัสบนไทม์ไลน์อันแสนคมกริบบาดนิ้วเลือดออกของหนุ่มอารมณ์ดีนามคัตโตะ นักร้องนำจากวงลิปตา วงดนตรีดูโอ้แนวสบายๆชื่อดัง หนุ่มตี๋ใส่แว่นคนนี้ได้ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ความรู้สึกผ่านทางสเตตัสเฟสบุ๊คหลายๆครั้ง ซึ่งในหลายๆสถานะที่ชายหนุ่มคนนี้คิดขึ้นมานั้น บางทีก็ได้ให้ข้อคิดเตือนใจคนมากมาย แต่ในบางครั้งก็ไปสะกิดแผลใจ กระแทกใจใครอีกหลายคน ซึ่งทุกครั้งที่ได้อ่าน ก็ต้องสะดุดหยุดกึกพลางหันมาขบคิดกับตัวเองว่าตัวเรากำลังเป็นแบบนั้นหรือไม่ ในบางประโยคก็ทำให้เรารู้สึกขบขันว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน หรือในบางอารมณ์ที่กำลังเศร้า ผิดหวังในด้านต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นปัญหาโลกแตกเลยคือด้านความรัก ประโยคที่หนุ่มตี๋อารมณ์ดีคนนี้ได้ถ่ายทอดออกมาคือ “ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วคิดถึงใครเป็นคนแรก ไม่เรารักเขามาก ก็ต้องเจ็บปวดเพราะเขามาก” บอกเลยว่าประโยคมันใช่ โดนใจจังๆ อ่านๆไปก็รู้สึกสะอึกไปหลายข้อความเหมือนกันค่ะ แต่บางสเตตัสก็ช่วยปลอบใจและให้กำลังใจเราได้อย่างเหลือเชื่อ บางประโยคที่แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่พอได้อ่านแล้วกลับรู้สึกดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ครบครันทุกรสชาติจริงๆ ถ้าเปรียบเป็นอาหาร ก็คงมีทั้งความหวานมันเค็มที่ลงตัว รูปแบบหนังสือนั้นดูเรียบง่ายสะอาดตา ตัวหนังสือน้อย ไม่เขียนอะไรเวิ่นเว้อ ไม่มีบรรยายแบบน้ำท่วมทุ่ง เน้นๆแต่ข้อความที่อัดกระแทกใจเต็มๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะพื้นที่ว่างในหนังสือเยอะ ตัวหนังสือน้อย แถมภาพประกอบก็เยอะ อาจจะทำให้รู้สึกว่าซื้อมาอ่านแล้วไม่ค่อยจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากหนังสือเล่มนี้มันจะสามารถให้กำลังใจ และเป็นเพื่อนยามที่เราท้อแท้ได้ ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะคุณค่าของหนังสือบางทีก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษรที่มากมาย แต่มันอยู่ที่เนื้อหาข้อความที่คนเขียนตั้งใจจะถ่ายทอดออกมาต่างหาก และถ้าหากข้อความเพียงเล็กน้อยแต่สามารถเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนชีวิตเราให้มันไปในทางที่ดีขึ้นได้ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังสือที่ไม่เหมาะกับการอ่านแบบเอาจริงเอาจัง แต่เหมาะกับเวลาว่างๆ ชิลๆ สบายๆ มากกว่า อ่านแบบไม่คิดอะไร แต่รับรองว่าทุกข้อความที่ปรากฎอยูในหนังสือนั้นมันจะทำให้คุณคิดเองโดยอัตโนมัติ เป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะอ่านจบไปแล้วแต่ก็สามารถนำกลับมาอ่านได้ใหม่โดยที่ไม่เบื่อ บางทีการนำกลับมาอ่านอีกรอบ อาจจะทำให้เราได้แนวคิดที่แตกต่างออกไปจากเดิมก็ได้ ถือเป็นหนังสือที่ดีที่อยากแนะนำให้ไว้อ่านเวลาว่างอีกเล่มหนึ่งค่ะ

หนังสือที่ได้รวบรวมหลายหลายข้อความ หลากหลายสเตตัสบนไทม์ไลน์อันแสนคมกริบบาดนิ้วเลือดออกของหนุ่มอารมณ์ดีนามคัตโตะ นักร้องนำจากวงลิปตา วงดนตรีดูโอ้แนวสบายๆชื่อดัง หนุ่มตี๋ใส่แว่นคนนี้ได้ถ่ายทอดความคิด อารมณ์ความรู้สึกผ่านทางสเตตัสเฟสบุ๊คหลายๆครั้ง ซึ่งในหลายๆสถานะที่ชายหนุ่มคนนี้คิดขึ้นมานั้น บางทีก็ได้ให้ข้อคิดเตือนใจคนมากมาย แต่ในบางครั้งก็ไปสะกิดแผลใจ กระแทกใจใครอีกหลายคน ซึ่งทุกครั้งที่ได้อ่าน ก็ต้องสะดุดหยุดกึกพลางหันมาขบคิดกับตัวเองว่าตัวเรากำลังเป็นแบบนั้นหรือไม่ ในบางประโยคก็ทำให้เรารู้สึกขบขันว่าไม่น่าเชื่อว่าจะมีคนคิดแบบนี้เหมือนกัน หรือในบางอารมณ์ที่กำลังเศร้า ผิดหวังในด้านต่างๆ ยกตัวอย่างเช่นปัญหาโลกแตกเลยคือด้านความรัก ประโยคที่หนุ่มตี๋อารมณ์ดีคนนี้ได้ถ่ายทอดออกมาคือ “ถ้าตื่นขึ้นมาแล้วคิดถึงใครเป็นคนแรก ไม่เรารักเขามาก ก็ต้องเจ็บปวดเพราะเขามาก” บอกเลยว่าประโยคมันใช่ โดนใจจังๆ อ่านๆไปก็รู้สึกสะอึกไปหลายข้อความเหมือนกันค่ะ แต่บางสเตตัสก็ช่วยปลอบใจและให้กำลังใจเราได้อย่างเหลือเชื่อ บางประโยคที่แม้จะเป็นเพียงประโยคสั้นๆ แต่พอได้อ่านแล้วกลับรู้สึกดีขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เรียกได้ว่าหนังสือเล่มนี้ครบครันทุกรสชาติจริงๆ ถ้าเปรียบเป็นอาหาร ก็คงมีทั้งความหวานมันเค็มที่ลงตัว รูปแบบหนังสือนั้นดูเรียบง่ายสะอาดตา ตัวหนังสือน้อย ไม่เขียนอะไรเวิ่นเว้อ ไม่มีบรรยายแบบน้ำท่วมทุ่ง เน้นๆแต่ข้อความที่อัดกระแทกใจเต็มๆ บางคนอาจจะไม่ชอบเพราะพื้นที่ว่างในหนังสือเยอะ ตัวหนังสือน้อย แถมภาพประกอบก็เยอะ อาจจะทำให้รู้สึกว่าซื้อมาอ่านแล้วไม่ค่อยจะคุ้มค่ากับเงินที่เสียไปซักเท่าไหร่ แต่ถ้าหากหนังสือเล่มนี้มันจะสามารถให้กำลังใจ และเป็นเพื่อนยามที่เราท้อแท้ได้ ก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะคุณค่าของหนังสือบางทีก็ไม่ได้อยู่ที่ตัวอักษรที่มากมาย แต่มันอยู่ที่เนื้อหาข้อความที่คนเขียนตั้งใจจะถ่ายทอดออกมาต่างหาก และถ้าหากข้อความเพียงเล็กน้อยแต่สามารถเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนชีวิตเราให้มันไปในทางที่ดีขึ้นได้ ก็ถือว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียไป โดยส่วนตัวคิดว่าเป็นหนังสือที่ไม่เหมาะกับการอ่านแบบเอาจริงเอาจัง แต่เหมาะกับเวลาว่างๆ ชิลๆ สบายๆ มากกว่า อ่านแบบไม่คิดอะไร แต่รับรองว่าทุกข้อความที่ปรากฎอยูในหนังสือนั้นมันจะทำให้คุณคิดเองโดยอัตโนมัติ เป็นหนังสือที่อ่านได้เรื่อยๆ ถึงแม้จะอ่านจบไปแล้วแต่ก็สามารถนำกลับมาอ่านได้ใหม่โดยที่ไม่เบื่อ บางทีการนำกลับมาอ่านอีกรอบ อาจจะทำให้เราได้แนวคิดที่แตกต่างออกไปจากเดิมก็ได้ ถือเป็นหนังสือที่ดีที่อยากแนะนำให้ไว้อ่านเวลาว่างอีกเล่มหนึ่งค่ะ

หนังสือข้อคิดดีๆเกี่ยวกับความรักโดยนักเขียนปลายปากกานามคุณว.แหวน หนังสือยอดนิยมติดอันดับเบสเซลเลอร์ ที่การันตีความขายดีโดยการได้รับการตีพิมพ์มาแล้วถึง32ครั้ง รูปเล่มขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก สามารถนำติดตัวไปอ่านยามเดินทางได้แบบสบายๆ แถมให้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง เราคงได้ยินกันบ่อยๆในประโยคที่ว่า “รักเป็นสิ่งที่สวยงาม” “รักทำให้โลกเป็นสีชมพู” แต่ไฉนหลายคนที่ได้ประสบพบเจอนั้นกลับต้องทุกข์ทรมาณ เจ็บปวดหัวใจ จนให้นิยามกับความรักว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” หรือ “ความรักทำให้คนตาบอด”
ทำไมรักที่ใครๆก็ว่าสวยงาม พอเรามีแล้วมันกลับทุกข์ กลับเจ็บปวด รักก็ทุกข์ เลิกรักก็ทุกข์ ไม่รักก็ทุกข์ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าคุณมองภาพความรักของตัวเองเป็นอย่างไร
หนังสือเล่มนี้ บางทีก็เปรียบเสมือนผู้ให้คำปรึกษา แต่บางครั้งก็เปรียบเสมือนเพื่อนที่คอยให้กำลังใจกับผู้ที่กำลังพบเจอปัญหาด้านความรัก เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเรานั้นจริงใจและจริงจังกับเราแค่ไหน หากคบกันไปแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ เราจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไร ที่เราคบกับใครซักคน เป็นเพราะความรักที่เรามี หรือเป็นเพราะความเหงาที่เราต้องเจอ จึงทำให้เรา ต้องรีบขวนขวาย หาใครซักคนมาแทนที่ความเหงาตรงนั้น จะทำอย่างไรหากความรักที่กำลังดำเนินอยู่กลับมีมือที่สามเข้ามาแทรก คำว่ารักที่ใครบางคนพูดออกมา มันจริงมากแค่ไหน เราจะรู้ได้อย่างไร ดูจากไหน และอีกหลากหลายประเด็นหลากหลายข้อคิดที่ผู้เขียนตั้งใจนำเสนอ เป็นทั้งข้อคิด และเตือนใจ ให้เราทุกคนมองเห็นคุณค่าในตัวเองและความรัก ไม่กล่าวโทษว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราทุกข์นั้นเป็นเพราะความรัก หากคิดที่จะรัก จงอย่ากลัว หากตัดสินใจที่จะรัก ก็จงรัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม้ว่ามันจะทำให้เราทุกข์หรือเจ็บปวดมากซักแค่ไหน หากเราลองมองมันดีๆ เราจะเห็นได้ว่าทุกความทุกข์นั้น มักจะสอนให้เราได้เรียนรู้เสมอ อย่างน้อยก็ได้รู้หัวใจตัวเอง ได้เรียนรู้ความเจ็บปวดและได้เรียนรู้ความสุขของการได้รักและเป็นคนสำคัญ ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทุกความทุกข์นั้นมีความสวยงามแอบซ่อนอยู่เสมอ ในตอนนี้ เราอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่หากเราได้มีโอกาสทบทวน ได้ลองใช้เหตุผลและสติ วันหนึ่งเราจะเข้าใจ สำหรับใครที่ยังให้นิยามกับคำว่า”รัก”ไม่ได้ ยังไม่รู้ไม่เข้าใจความหมายของมัน และยังคงเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคิดว่ามันเกิดจาก”ความรัก”แล้วนั้น หนังสือเล่มนี้อาจจะช่วยให้คำแนะนำกับปัญหาของคุณได้ค่ะ

หนังสือข้อคิดดีๆเกี่ยวกับความรักโดยนักเขียนปลายปากกานามคุณว.แหวน หนังสือยอดนิยมติดอันดับเบสเซลเลอร์ ที่การันตีความขายดีโดยการได้รับการตีพิมพ์มาแล้วถึง32ครั้ง รูปเล่มขนาดกะทัดรัด พกพาสะดวก สามารถนำติดตัวไปอ่านยามเดินทางได้แบบสบายๆ แถมให้ข้อคิดดีๆหลายอย่าง เราคงได้ยินกันบ่อยๆในประโยคที่ว่า “รักเป็นสิ่งที่สวยงาม” “รักทำให้โลกเป็นสีชมพู” แต่ไฉนหลายคนที่ได้ประสบพบเจอนั้นกลับต้องทุกข์ทรมาณ เจ็บปวดหัวใจ จนให้นิยามกับความรักว่า “ที่ใดมีรัก ที่นั่นมีทุกข์” หรือ “ความรักทำให้คนตาบอด”
ทำไมรักที่ใครๆก็ว่าสวยงาม พอเรามีแล้วมันกลับทุกข์ กลับเจ็บปวด รักก็ทุกข์ เลิกรักก็ทุกข์ ไม่รักก็ทุกข์ ทั้งนี้ทั้งนั้นอยู่ที่มุมมองของแต่ละคนว่าคุณมองภาพความรักของตัวเองเป็นอย่างไร
หนังสือเล่มนี้ บางทีก็เปรียบเสมือนผู้ให้คำปรึกษา แต่บางครั้งก็เปรียบเสมือนเพื่อนที่คอยให้กำลังใจกับผู้ที่กำลังพบเจอปัญหาด้านความรัก เราจะรู้ได้อย่างไรว่าคนที่กำลังจะก้าวเข้ามาในชีวิตของเรานั้นจริงใจและจริงจังกับเราแค่ไหน หากคบกันไปแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ เราจะจัดการกับความรู้สึกตัวเองอย่างไร ที่เราคบกับใครซักคน เป็นเพราะความรักที่เรามี หรือเป็นเพราะความเหงาที่เราต้องเจอ จึงทำให้เรา ต้องรีบขวนขวาย หาใครซักคนมาแทนที่ความเหงาตรงนั้น จะทำอย่างไรหากความรักที่กำลังดำเนินอยู่กลับมีมือที่สามเข้ามาแทรก คำว่ารักที่ใครบางคนพูดออกมา มันจริงมากแค่ไหน เราจะรู้ได้อย่างไร ดูจากไหน และอีกหลากหลายประเด็นหลากหลายข้อคิดที่ผู้เขียนตั้งใจนำเสนอ เป็นทั้งข้อคิด และเตือนใจ ให้เราทุกคนมองเห็นคุณค่าในตัวเองและความรัก ไม่กล่าวโทษว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้เราทุกข์นั้นเป็นเพราะความรัก หากคิดที่จะรัก จงอย่ากลัว หากตัดสินใจที่จะรัก ก็จงรัก ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นแม้ว่ามันจะทำให้เราทุกข์หรือเจ็บปวดมากซักแค่ไหน หากเราลองมองมันดีๆ เราจะเห็นได้ว่าทุกความทุกข์นั้น มักจะสอนให้เราได้เรียนรู้เสมอ อย่างน้อยก็ได้รู้หัวใจตัวเอง ได้เรียนรู้ความเจ็บปวดและได้เรียนรู้ความสุขของการได้รักและเป็นคนสำคัญ ถึงแม้จะเป็นแค่ช่วงเวลาหนึ่ง ทุกความทุกข์นั้นมีความสวยงามแอบซ่อนอยู่เสมอ ในตอนนี้ เราอาจจะยังไม่เข้าใจ แต่หากเราได้มีโอกาสทบทวน ได้ลองใช้เหตุผลและสติ วันหนึ่งเราจะเข้าใจ สำหรับใครที่ยังให้นิยามกับคำว่า”รัก”ไม่ได้ ยังไม่รู้ไม่เข้าใจความหมายของมัน และยังคงเจ็บช้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่า และคิดว่ามันเกิดจาก”ความรัก”แล้วนั้น หนังสือเล่มนี้อาจจะช่วยให้คำแนะนำกับปัญหาของคุณได้ค่ะ

“เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือผลลัพธ์ เมื่อมีผลลัพธ์ก็ต้องมี ต้นเหตุ และต้นเหตุก็มีที่มาจากจิตใจของเราเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคือกระจกส่องสะท้อนจิตใจของเราเอง” นั่นคือที่มาของขื่อหนังสือเล่มนี้ กฎแห่งกระจก ผลงานดีๆจากคุณโยชิโนริ โนงุจิ ที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาจากประเทศญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่โดยเป็นภาพการ์ตูน ทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้นและไม่น่าเบื่อจนเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่ชอบตัวหนังสือเยอะแยะ(เพราะต้นฉบับก่อนเป็นบรรยายล้วนๆ) ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้เนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่งชีวิตกำลังประสบปัญหา สายตาไปสะดุดกับหน้าปกหนังสือเล่มนี้เข้า แถมติดป้ายว่าเป็นหนังสือแนะนำซะด้วย อีกทั้งเป็นหนังสือในเครือสำนักพิมพ์อมรินทร์อีก จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมหนังสือเล่มบางๆแบบนี้มันน่าสนใจตรงไหน แล้วเปลี่ยนชีวิตคนญี่ปุ่นหลายๆคนได้อย่างไร เนื้อเรื่องคร่าวๆนั้นเกิดจากคุณเอโกะ อาคิยามะ(นามสมมติ) แม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหากังวลใจเนื่องจากลูกชายของเธอเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้ โดยคุณเอโกะพยายามที่จะให้คำปรึกษาแก่ลูกของเธอ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างเย็นชาจากลูกชายกลับมาทุกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอปรึกษาเรื่องนี้กับสามี สามีของเธอจึงแนะนำให้เธอลองโทรคุยกับคุณโนงุจิ(ผู้ซึ่งเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาและเป็นรุ่นพี่ของสามีเธอสมัยเรียน) ในตอนแรกเธอไม่สนใจ แต่ด้วยความที่ปัญหาเริ่มหนักขึ้น เธอไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร จึงตัดสินใจโทรปรึกษา เมื่อเธอเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอให้กับคุณโนงุจิฟัง เธอก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “คุณกำลังเกลียดใครบางคนใกล้ตัว” ซึ่งทำให้คุณเอโกะแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดจากการที่ลูกชายของเธอโดนเพื่อนกลั่นแกล้งและไม่สามารถเข้ากันกับเพื่อนๆได้ แต่แล้วทำไมกลับกลายเป็นว่าปัญหาส่วนตัวของเธอไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอจึงถามกลับไป และก็ได้คำตอบกลับมาว่า “การที่ลูกชายคนสำคัญของเธอกำลังเป็นทุกข์นั้น ต้นเหตุที่หน้าจะเป็นไปได้คือเธอกำลัง”เกลียด”คนที่เธอควรจะให้ความสำคัญ” เมื่อได้ยินดังนั้นเอโกะก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ว่าเรื่องมันจะมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหามันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น ยังมีปัญหาที่ฝังรากอยู่ลึกที่เกิดจากตัวคุณเอโกะเอง หากเธออยากจะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เธอจะต้องทำตามที่คุณโนงุจิบอก ซึ่งวิธีแก้ไขนั้นมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ดีมากเล่มหนึ่ง อ่านเข้าใจง่าย(ถึงแม้จะเป็นหนังสือแปลก็ตาม) ถือเป็นหนังสือที่น่าอ่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ

“เหตุการณ์ทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันคือผลลัพธ์ เมื่อมีผลลัพธ์ก็ต้องมี ต้นเหตุ และต้นเหตุก็มีที่มาจากจิตใจของเราเอง เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตคือกระจกส่องสะท้อนจิตใจของเราเอง” นั่นคือที่มาของขื่อหนังสือเล่มนี้ กฎแห่งกระจก ผลงานดีๆจากคุณโยชิโนริ โนงุจิ ที่ปรึกษาทางด้านจิตวิทยาจากประเทศญี่ปุ่น หนังสือเล่มนี้ถูกนำมาเรียบเรียงใหม่โดยเป็นภาพการ์ตูน ทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้นและไม่น่าเบื่อจนเกินไปสำหรับผู้ที่ไม่ชอบตัวหนังสือเยอะแยะ(เพราะต้นฉบับก่อนเป็นบรรยายล้วนๆ) ได้มีโอกาสอ่านหนังสือเล่มนี้เนื่องจากมีอยู่ช่วงหนึ่งชีวิตกำลังประสบปัญหา สายตาไปสะดุดกับหน้าปกหนังสือเล่มนี้เข้า แถมติดป้ายว่าเป็นหนังสือแนะนำซะด้วย อีกทั้งเป็นหนังสือในเครือสำนักพิมพ์อมรินทร์อีก จึงเกิดความสงสัยว่าทำไมหนังสือเล่มบางๆแบบนี้มันน่าสนใจตรงไหน แล้วเปลี่ยนชีวิตคนญี่ปุ่นหลายๆคนได้อย่างไร เนื้อเรื่องคร่าวๆนั้นเกิดจากคุณเอโกะ อาคิยามะ(นามสมมติ) แม่บ้านธรรมดาๆคนหนึ่งที่กำลังมีปัญหากังวลใจเนื่องจากลูกชายของเธอเข้ากับเพื่อนร่วมชั้นไม่ได้ โดยคุณเอโกะพยายามที่จะให้คำปรึกษาแก่ลูกของเธอ แต่ก็ได้รับการปฏิเสธอย่างเย็นชาจากลูกชายกลับมาทุกครั้ง ซึ่งนั่นทำให้เธอทุกข์ใจเป็นอย่างมาก เมื่อเธอปรึกษาเรื่องนี้กับสามี สามีของเธอจึงแนะนำให้เธอลองโทรคุยกับคุณโนงุจิ(ผู้ซึ่งเป็นคนเขียนหนังสือเล่มนี้ขึ้นมาและเป็นรุ่นพี่ของสามีเธอสมัยเรียน) ในตอนแรกเธอไม่สนใจ แต่ด้วยความที่ปัญหาเริ่มหนักขึ้น เธอไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใคร จึงตัดสินใจโทรปรึกษา เมื่อเธอเล่าเหตุการณ์ที่เธอเจอให้กับคุณโนงุจิฟัง เธอก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า “คุณกำลังเกลียดใครบางคนใกล้ตัว” ซึ่งทำให้คุณเอโกะแปลกใจเป็นอย่างมาก เพราะปัญหาที่เกิดขึ้นนั้นมันเกิดจากการที่ลูกชายของเธอโดนเพื่อนกลั่นแกล้งและไม่สามารถเข้ากันกับเพื่อนๆได้ แต่แล้วทำไมกลับกลายเป็นว่าปัญหาส่วนตัวของเธอไปเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เธอจึงถามกลับไป และก็ได้คำตอบกลับมาว่า “การที่ลูกชายคนสำคัญของเธอกำลังเป็นทุกข์นั้น ต้นเหตุที่หน้าจะเป็นไปได้คือเธอกำลัง”เกลียด”คนที่เธอควรจะให้ความสำคัญ” เมื่อได้ยินดังนั้นเอโกะก็ยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ว่าเรื่องมันจะมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไร แต่สิ่งที่เป็นต้นเหตุของปัญหามันไม่ได้มีอยู่แค่นั้น ยังมีปัญหาที่ฝังรากอยู่ลึกที่เกิดจากตัวคุณเอโกะเอง หากเธออยากจะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจัง เธอจะต้องทำตามที่คุณโนงุจิบอก ซึ่งวิธีแก้ไขนั้นมันไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย หนังสือเล่มนี้ถือเป็นหนังสือแนวจิตวิทยาที่ดีมากเล่มหนึ่ง อ่านเข้าใจง่าย(ถึงแม้จะเป็นหนังสือแปลก็ตาม) ถือเป็นหนังสือที่น่าอ่านเป็นอย่างยิ่งค่ะ

หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นหนึ่งในสิบเล่มโปรดในดวงใจของเราเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ทำให้เราเริ่มรักการอ่านหนังสือและทำให้เราสนใจที่จะศึกษาแนวนี้มากขึ้น แว๊บแรกที่เห็นแค่หน้าปกและชื่อหนังสือก็ดึงดูดใจแล้วค่ะ ยิ่งอ่านคำนำหนังสือยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก ไม่แปลกเลยที่หนังสือเล่มนี้จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ดังเปรี้ยงปร้างราวกับพลุแตก ด้วยประโยคที่ว่า "ความลับที่จะทำให้คุณสมปรารถนาทุกประการ" หลายคนอ่านประโยคนี้ก็คงจะเกิดคำถามและความสงสัยในใจว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็คงมีคนบางส่วนที่เลือกจะเดินหนีไป และคนบางส่วนเลือกที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เราก็เป็นหนึ่งในพวกหลังค่ะ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นไปได้จริงเหรอ ก็เลยหยิบมาศึกษาดู เคยสงสัยกันมั๊ยคะ ว่าทำไมชีวิตของคนบางคนจึงมีแต่ความสุข ความสบาย พบเจอแต่สิ่งที่ดี ในขณะที่คนบางคนนั้นกลับมีชีวิตที่ต่างกันราวกับฟ้าและเหว เพราะเหตุใดทำไมเงินจำนวนมากมายถึงไปรวมอยู่กับกลุ่มคนแค่ไม่กี่คนบนโลกใบนี้ แต่ผู้คนอีกหลายล้านชีวิตกลับต้องกัดฟันทนทำงานอย่างหนักในทุกๆวันพลางเกิดข้อสงสัยในหัวทุกวัน เฝ้าโทษพร่ำกร่นด่าในโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมกับพวกเขา เพราะอะไร ทำไมคนบางคนถึงมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ในขณะที่อีกคนกลับเจ็บป่วยออดๆแอดๆโดยที่ไม่หายซักที เพราะอะไรคนบางคนถึงเป็นที่รัก มีผู้คนมากมายรายล้อมให้ความสนใจทั้งๆที่เขาอาจจะไม่ได้หน้าตาดีมากมาย แต่กลับกัน คนบางคนที่มีหน้าตาสวยหล่อราวกับดาราบางคนแต่กลับไร้เสน่ห์ แปลกไหม ที่บางสิ่งบางอย่างที่เรากลัว เราไม่อยากให้เกิด มันกลับเกิดเร็วขึ้น และคำถามอีกมากมายภายในหัวที่เราคอยถามกับตัวเอง รอนด้า เบิร์น ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเราและบนโลกใบนี้ ล้วนเกิดขึ้นเพราะ "กฎแรงดึงดูด" ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความคิดและจินตนาการของมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ล้วนเป็นเพราะเราดึงดูดมันเข้ามา หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการตลาด ไม่ใช่เรื่องจริง แต่หากลองทำตามในหนังสือดูเราว่ามันก็ไม่เสียหาย มีหลายคนทดลองแล้วใช้ได้จริงและตื่นเต้นกับกฎที่ว่านี้มาก อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่นั่นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง บางคนอ่านแล้วชอ แต่อาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่สุด เหมือนมันยังขาดอะไรไป ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ค่ะ มีหนังสือหลายเล่มที่พูดถึงกฎแรงดึงดูด แต่เล่มนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจกับกฎที่ว่านี้มากขึ้น และเป็นหนังสือสุดโปรดในดวงใจของเราเลยค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ อ่านได้ซ้ำๆ ไม่เบื่อ หากคุณกำลังหมดกำลังใจหรือสิ้นหวัง หรือสงสัยในเรื่องของกฎแรงดึงดูดว่ามันคืออะไร เราขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ

หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นหนึ่งในสิบเล่มโปรดในดวงใจของเราเลยก็ว่าได้ค่ะ เป็นหนังสือเล่มแรกในชีวิตที่ทำให้เราเริ่มรักการอ่านหนังสือและทำให้เราสนใจที่จะศึกษาแนวนี้มากขึ้น แว๊บแรกที่เห็นแค่หน้าปกและชื่อหนังสือก็ดึงดูดใจแล้วค่ะ ยิ่งอ่านคำนำหนังสือยิ่งเพิ่มความน่าสนใจเข้าไปอีก ไม่แปลกเลยที่หนังสือเล่มนี้จะขายดีเป็นเทน้ำเทท่า ดังเปรี้ยงปร้างราวกับพลุแตก ด้วยประโยคที่ว่า "ความลับที่จะทำให้คุณสมปรารถนาทุกประการ" หลายคนอ่านประโยคนี้ก็คงจะเกิดคำถามและความสงสัยในใจว่ามันจะเป็นไปได้อย่างไร ก็คงมีคนบางส่วนที่เลือกจะเดินหนีไป และคนบางส่วนเลือกที่จะหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นมา เราก็เป็นหนึ่งในพวกหลังค่ะ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นว่ามันจะเป็นไปได้จริงเหรอ ก็เลยหยิบมาศึกษาดู เคยสงสัยกันมั๊ยคะ ว่าทำไมชีวิตของคนบางคนจึงมีแต่ความสุข ความสบาย พบเจอแต่สิ่งที่ดี ในขณะที่คนบางคนนั้นกลับมีชีวิตที่ต่างกันราวกับฟ้าและเหว เพราะเหตุใดทำไมเงินจำนวนมากมายถึงไปรวมอยู่กับกลุ่มคนแค่ไม่กี่คนบนโลกใบนี้ แต่ผู้คนอีกหลายล้านชีวิตกลับต้องกัดฟันทนทำงานอย่างหนักในทุกๆวันพลางเกิดข้อสงสัยในหัวทุกวัน เฝ้าโทษพร่ำกร่นด่าในโชคชะตาที่ไม่ยุติธรรมกับพวกเขา เพราะอะไร ทำไมคนบางคนถึงมีสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ในขณะที่อีกคนกลับเจ็บป่วยออดๆแอดๆโดยที่ไม่หายซักที เพราะอะไรคนบางคนถึงเป็นที่รัก มีผู้คนมากมายรายล้อมให้ความสนใจทั้งๆที่เขาอาจจะไม่ได้หน้าตาดีมากมาย แต่กลับกัน คนบางคนที่มีหน้าตาสวยหล่อราวกับดาราบางคนแต่กลับไร้เสน่ห์ แปลกไหม ที่บางสิ่งบางอย่างที่เรากลัว เราไม่อยากให้เกิด มันกลับเกิดเร็วขึ้น และคำถามอีกมากมายภายในหัวที่เราคอยถามกับตัวเอง รอนด้า เบิร์น ผู้เขียนหนังสือเล่มนี้ได้บอกว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นรอบตัวเราและบนโลกใบนี้ ล้วนเกิดขึ้นเพราะ "กฎแรงดึงดูด" ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความคิดและจินตนาการของมนุษย์ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรานั้น ล้วนเป็นเพราะเราดึงดูดมันเข้ามา หลายคนอาจจะคิดว่ามันเป็นการตลาด ไม่ใช่เรื่องจริง แต่หากลองทำตามในหนังสือดูเราว่ามันก็ไม่เสียหาย มีหลายคนทดลองแล้วใช้ได้จริงและตื่นเต้นกับกฎที่ว่านี้มาก อาจจะไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร แต่นั่นก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีว่าอย่างน้อยก็ไม่ใช่เรื่องหลอกลวง บางคนอ่านแล้วชอ แต่อาจจะรู้สึกว่ามันยังไม่สุด เหมือนมันยังขาดอะไรไป ก็สามารถศึกษาเพิ่มเติมได้ค่ะ มีหนังสือหลายเล่มที่พูดถึงกฎแรงดึงดูด แต่เล่มนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ผู้คนหันมาสนใจกับกฎที่ว่านี้มากขึ้น และเป็นหนังสือสุดโปรดในดวงใจของเราเลยค่ะ อ่านได้เรื่อยๆ อ่านได้ซ้ำๆ ไม่เบื่อ หากคุณกำลังหมดกำลังใจหรือสิ้นหวัง หรือสงสัยในเรื่องของกฎแรงดึงดูดว่ามันคืออะไร เราขอแนะนำหนังสือเล่มนี้เลยค่ะ

หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้เราสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นค่ะ และเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้เราเปิดบัญชี(เปิดพอร์ต)หุ้นเป็นของตัวเองด้วย ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้รับประกันไว้ว่า "อ่านจบแล้ว สามารถเล่นหุ้นเป็นทันที" ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและอยากลอง จึงหยิบมาเปิดอ่านแบบผ่านๆก่อน ก็พบว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจมากสำหรับเรา ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ฟังดูยาก พอเห็นตัวหนังสือยุบยั่บเต็มไปหมดเราก็จะเริ่มเกิดอาการท้อใจกันแล้วใช่ไหมคะ แต่เล่มนี้ต่างจากหนังสือเล่นหุ้นเล่มอื่นๆค่ะ สิ่งที่ทำให้เราสนใจในหนังสือเล่มนี้เลยคือ การนำเสนอเรื่องยากๆให้กลายมาเป็นภาพการ์ตูนค่ะ เนื้อหาภายในหนังสือนั้นประกอบไปด้วยภาพการ์ตูนลายเส้นง่ายๆ ถึงแม้ว่าลายเส้นอาจจะไม่ได้ดึงดูดตาดึงดูดใจซักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องวิชาการ(ซึ่งอาจจะดูน่าปวดหัวสำหรับใครหลายๆคน) คนเขียนหนังสือกลับเลือกวิธีการที่นำมาอธิบายเป็นภาพการ์ตูนเบาๆ(มีสอดแทรกมุกตลกเข้าไปบ้างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อหาดูหนักเกินไป) ทำให้สามารถเข้าใจง่ายแม้กระทั่งมือใหม่ที่ไม่เคยมีความรู้ด้านหุ้นเลย ภายในเล่มมีสอนวิธีการเปิดบัญชี โบรคเกอร์คืออะไร มีบริษัทไหนบ้าง การซื้อขายหุ้นทำอย่างไร ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เป็นต้น อีกทั้งมีรูปประกอบโปรแกรมต่างๆเป็นภาพสีทำให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น(หนังสือบางเล่มทำเป็นภาพขาวดำ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ในการทำความเข้าใจ เพราะแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร) ยกตัวอย่างเช่นโปรแกรมSettrade(โปรแกรมที่ใช้สำหรับซื้อขายหุ้น) ก็จะมีคำแนะนำ คำอธิบายการใช้งาน พร้อมอธิบายว่า สีเขียวบนกระดานคืออะไร สีแดง สีเหลือง หมายถึงอะไร และอื่นๆ ทำให้สามารถนึกภาพตามออกได้ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเรื่องหุ้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนทั่วไปในการทำความเข้าใจ บ้างก็ว่าเป็นการพนัน เป็นเรื่องไกลตัว ดังคำที่ว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น วัยรุ่นเล่นบอล" พอคิดว่าเรื่องหุ้นเป็นเรื่องของคนรวย ก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจนัก ทั้งๆที่เรื่องการลงทุนในหุ้นถือเป็นการลงทุนวิธีหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนอาจจะคิดว่า คนเล่นหุ้นต้องเป็นคนเก่งๆ คิดคำนวณเก่งๆ วิเคราะห์เก่งๆ แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้การลงทุนในหุ้นดูเป็นเรื่องง่ายๆ(แต่จริงๆก็ไม่ง่ายนะจ๊ะ) ทำให้คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำความเข้าใจในเรื่องหุ้นได้มากขึ้น เหมือนเป็นการปูพื้นฐานให้ตัวเอง หากใครสนใจการลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหุ้นเลย และอยากจะทำการศึกษาในเบื้องต้น ขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ

หนังสือเล่มนี้ ถือเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้เราสนใจเรื่องการลงทุนในหุ้นค่ะ และเป็นหนังสือเล่มแรกที่ทำให้เราเปิดบัญชี(เปิดพอร์ต)หุ้นเป็นของตัวเองด้วย ด้วยความที่หนังสือเล่มนี้รับประกันไว้ว่า "อ่านจบแล้ว สามารถเล่นหุ้นเป็นทันที" ก็ด้วยความอยากรู้อยากเห็นและอยากลอง จึงหยิบมาเปิดอ่านแบบผ่านๆก่อน ก็พบว่าเป็นหนังสือที่น่าสนใจมากสำหรับเรา ด้วยความที่เราเป็นคนชอบอ่านหนังสือ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ฟังดูยาก พอเห็นตัวหนังสือยุบยั่บเต็มไปหมดเราก็จะเริ่มเกิดอาการท้อใจกันแล้วใช่ไหมคะ แต่เล่มนี้ต่างจากหนังสือเล่นหุ้นเล่มอื่นๆค่ะ สิ่งที่ทำให้เราสนใจในหนังสือเล่มนี้เลยคือ การนำเสนอเรื่องยากๆให้กลายมาเป็นภาพการ์ตูนค่ะ เนื้อหาภายในหนังสือนั้นประกอบไปด้วยภาพการ์ตูนลายเส้นง่ายๆ ถึงแม้ว่าลายเส้นอาจจะไม่ได้ดึงดูดตาดึงดูดใจซักเท่าไหร่ แต่ด้วยความที่เป็นเรื่องวิชาการ(ซึ่งอาจจะดูน่าปวดหัวสำหรับใครหลายๆคน) คนเขียนหนังสือกลับเลือกวิธีการที่นำมาอธิบายเป็นภาพการ์ตูนเบาๆ(มีสอดแทรกมุกตลกเข้าไปบ้างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เนื้อหาดูหนักเกินไป) ทำให้สามารถเข้าใจง่ายแม้กระทั่งมือใหม่ที่ไม่เคยมีความรู้ด้านหุ้นเลย ภายในเล่มมีสอนวิธีการเปิดบัญชี โบรคเกอร์คืออะไร มีบริษัทไหนบ้าง การซื้อขายหุ้นทำอย่างไร ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เป็นต้น อีกทั้งมีรูปประกอบโปรแกรมต่างๆเป็นภาพสีทำให้มองเห็นภาพได้ชัดขึ้น(หนังสือบางเล่มทำเป็นภาพขาวดำ ซึ่งเป็นเรื่องยากสำหรับมือใหม่ในการทำความเข้าใจ เพราะแยกไม่ออกว่าอะไรเป็นอะไร) ยกตัวอย่างเช่นโปรแกรมSettrade(โปรแกรมที่ใช้สำหรับซื้อขายหุ้น) ก็จะมีคำแนะนำ คำอธิบายการใช้งาน พร้อมอธิบายว่า สีเขียวบนกระดานคืออะไร สีแดง สีเหลือง หมายถึงอะไร และอื่นๆ ทำให้สามารถนึกภาพตามออกได้ หลายๆคนอาจจะคิดว่าเรื่องหุ้นเป็นเรื่องที่ยากสำหรับคนทั่วไปในการทำความเข้าใจ บ้างก็ว่าเป็นการพนัน เป็นเรื่องไกลตัว ดังคำที่ว่า "คนจนเล่นหวย คนรวยเล่นหุ้น วัยรุ่นเล่นบอล" พอคิดว่าเรื่องหุ้นเป็นเรื่องของคนรวย ก็เลยไม่ค่อยมีใครสนใจนัก ทั้งๆที่เรื่องการลงทุนในหุ้นถือเป็นการลงทุนวิธีหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว หลายคนอาจจะคิดว่า คนเล่นหุ้นต้องเป็นคนเก่งๆ คิดคำนวณเก่งๆ วิเคราะห์เก่งๆ แต่หนังสือเล่มนี้ทำให้การลงทุนในหุ้นดูเป็นเรื่องง่ายๆ(แต่จริงๆก็ไม่ง่ายนะจ๊ะ) ทำให้คนธรรมดาทั่วไปสามารถทำความเข้าใจในเรื่องหุ้นได้มากขึ้น เหมือนเป็นการปูพื้นฐานให้ตัวเอง หากใครสนใจการลงทุนในหุ้น แต่ยังไม่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องหุ้นเลย และอยากจะทำการศึกษาในเบื้องต้น ขอแนะนำเล่มนี้เลยค่ะ

ผลงานของคุณชัยภัทร เนื่องคำมา หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันในเว็ปไซต์นั้นคือCway Investment เนื้อหาส่วนใหญ่นั้นจะเกี่ยวกับการวิเคราะห์เส้นแนวโน้มของทิศทางหุ้น การเล่นหุ้นเเนวเก็งกำไร หรือที่เรียกกันว่าเชิงเทคนิคนั่นเอง เพราะฉะนั้น แน่นอนเลยว่าภายในหนังสือเล่มนี้นั้นจะต้องอัดแน่นไปด้วยศัพท์เฉพาะทางเทคนิคมากมายมหาศาล แค่นึกก็เริ่มรู้สึกมึนๆกันแล้วใช่ไหมคะ ครังแรกที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ขอบอกเลยค่ะว่ารู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม เนื่องจากมีศัพท์ใหม่ๆ และเส้นอะไรก็ไม่รู้หยักขึ้นหยักลงเต็มไปหมด(แต่ด้วยความอยากรู้และอยากเข้าใจในสายเทคนิคจึงค่อยๆลองอ่านดูค่ะ ก็ได้ทำให้ผู้เขียนรีวิวนั้นได้รู้จักเครื่องมือในการวิเคาาะห์หุ้นเบื้องต้นบ้าง จากแต่ก่อนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย) เพราะงั้น หากใครเป็นสายVI(Value Investor) หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ค่อยดึงดูดใจนักเนื่องจากภายในเล่มนั้นเต็มไปด้วยเส้นกราฟยุบยับเน้นๆซึ่งชวนปวดหัวตาลายให้กับชาวVIยิ่งนัก เนื่องจากชาวVIจะเน้นดูข้อมูลของตัวบริษัท ดูงบการเงิน ฯลฯ ซึ่งหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ(แต่ก็สามารถอ่านได้เช่นกัน เพราะอาจจะนำไปดูประกอบหาจุดซื้อจุดขายได้บ้างในบางกรณี) แต่หากใครที่ชอบลงทุนแนวเก็งกำไร สามารถรับความเสี่ยงได้มาก ขอให้ลองหยิบมาอ่าน ภายในหนังสือนั้นจะเน้นไปที่วิธีการเก็งกำไรในหุ้นอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งแนะนำให้รู้จักเครื่องมือในการใช้วิเคราะห์มากมายให้ผู้อ่านได้เลือกสรรลองนำไปใช้กัน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในแนวเทคนิคคอลแต่ความรู้ยังเป็นศูนย์หรือมีพื้นฐานบ้างเล็กน้อย ก็จะมีเครื่องมือต่างๆที่เราอาจจะคุ้นเคยหรือได้ยินชื่อกันมาบ้าง เช่น เส้นMACDคืออะไร เส้นกราฟMA ,ADX ,RSI และอื่นๆ ซึ่งคุณชัยภัทรก็ได้แนะนำเครื่องมือพร้อมทั้งสอนวิธีการอ่านกราฟได้เข้าใจง่าย แต่หากใครที่พอมีพื้นฐานมาบ้างและต้องการศึกษาแนวเทคนิคคอลแบบแอดวานซ์ หนังสือเล่มนี้อาจจะยังไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ เพราะหนังสือเล่มนี้ หากเปรียบเสมือนคณิตศาสตร์ ก็เหมือนสอนให้รู้จักเครื่องหมายบวกลบคูณหารและวิธีดารคิดเบื้องต้น ปูพื้นฐานเท่านั้น แต่หากอยากจะออกแนวแคลคูลัสหรือขั้นสูงอาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลาดหุ้นคือสิ่งที่ไม่แน่นอน นอกจากเราจะลงทุนในกิจการแล้ว เรายังต้องรับมือกับสภาพจิตใจของคนอีกหลายคน ดังนั้น ขอยกประโยคเด็ดที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆเลยคือ "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน" เนื้อหาในหนังสือเป็นเพียงข้อมูลที่ช่วยปูพื้นฐาน ทำให้มีความเข้าใจในเครื่องมือแต่ละตัวมากขึ้น แต่เนื่องจากแต่ละคนนั้นมีวิธีการลงทุนไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างความคิด เพราะงั้น หากใครเล่นสไตล์ไหน อาจจะต้องนำไปพลิกแพลงต่อยอดกันอีกทีนะจ๊ะ

ผลงานของคุณชัยภัทร เนื่องคำมา หรืออีกชื่อหนึ่งที่รู้จักกันในเว็ปไซต์นั้นคือCway Investment เนื้อหาส่วนใหญ่นั้นจะเกี่ยวกับการวิเคราะห์เส้นแนวโน้มของทิศทางหุ้น การเล่นหุ้นเเนวเก็งกำไร หรือที่เรียกกันว่าเชิงเทคนิคนั่นเอง เพราะฉะนั้น แน่นอนเลยว่าภายในหนังสือเล่มนี้นั้นจะต้องอัดแน่นไปด้วยศัพท์เฉพาะทางเทคนิคมากมายมหาศาล แค่นึกก็เริ่มรู้สึกมึนๆกันแล้วใช่ไหมคะ ครังแรกที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือเล่มนี้ ขอบอกเลยค่ะว่ารู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม เนื่องจากมีศัพท์ใหม่ๆ และเส้นอะไรก็ไม่รู้หยักขึ้นหยักลงเต็มไปหมด(แต่ด้วยความอยากรู้และอยากเข้าใจในสายเทคนิคจึงค่อยๆลองอ่านดูค่ะ ก็ได้ทำให้ผู้เขียนรีวิวนั้นได้รู้จักเครื่องมือในการวิเคาาะห์หุ้นเบื้องต้นบ้าง จากแต่ก่อนที่ไม่มีความรู้อะไรเลย) เพราะงั้น หากใครเป็นสายVI(Value Investor) หนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ค่อยดึงดูดใจนักเนื่องจากภายในเล่มนั้นเต็มไปด้วยเส้นกราฟยุบยับเน้นๆซึ่งชวนปวดหัวตาลายให้กับชาวVIยิ่งนัก เนื่องจากชาวVIจะเน้นดูข้อมูลของตัวบริษัท ดูงบการเงิน ฯลฯ ซึ่งหนังสือเล่มนี้อาจจะไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ(แต่ก็สามารถอ่านได้เช่นกัน เพราะอาจจะนำไปดูประกอบหาจุดซื้อจุดขายได้บ้างในบางกรณี) แต่หากใครที่ชอบลงทุนแนวเก็งกำไร สามารถรับความเสี่ยงได้มาก ขอให้ลองหยิบมาอ่าน ภายในหนังสือนั้นจะเน้นไปที่วิธีการเก็งกำไรในหุ้นอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งแนะนำให้รู้จักเครื่องมือในการใช้วิเคราะห์มากมายให้ผู้อ่านได้เลือกสรรลองนำไปใช้กัน เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจในแนวเทคนิคคอลแต่ความรู้ยังเป็นศูนย์หรือมีพื้นฐานบ้างเล็กน้อย ก็จะมีเครื่องมือต่างๆที่เราอาจจะคุ้นเคยหรือได้ยินชื่อกันมาบ้าง เช่น เส้นMACDคืออะไร เส้นกราฟMA ,ADX ,RSI และอื่นๆ ซึ่งคุณชัยภัทรก็ได้แนะนำเครื่องมือพร้อมทั้งสอนวิธีการอ่านกราฟได้เข้าใจง่าย แต่หากใครที่พอมีพื้นฐานมาบ้างและต้องการศึกษาแนวเทคนิคคอลแบบแอดวานซ์ หนังสือเล่มนี้อาจจะยังไม่ใช่คำตอบสำหรับคุณ เพราะหนังสือเล่มนี้ หากเปรียบเสมือนคณิตศาสตร์ ก็เหมือนสอนให้รู้จักเครื่องหมายบวกลบคูณหารและวิธีดารคิดเบื้องต้น ปูพื้นฐานเท่านั้น แต่หากอยากจะออกแนวแคลคูลัสหรือขั้นสูงอาจจะต้องศึกษาเพิ่มเติม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ตลาดหุ้นคือสิ่งที่ไม่แน่นอน นอกจากเราจะลงทุนในกิจการแล้ว เรายังต้องรับมือกับสภาพจิตใจของคนอีกหลายคน ดังนั้น ขอยกประโยคเด็ดที่เราเคยได้ยินกันบ่อยๆเลยคือ "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน" เนื้อหาในหนังสือเป็นเพียงข้อมูลที่ช่วยปูพื้นฐาน ทำให้มีความเข้าใจในเครื่องมือแต่ละตัวมากขึ้น แต่เนื่องจากแต่ละคนนั้นมีวิธีการลงทุนไม่เหมือนกัน ต่างคนต่างความคิด เพราะงั้น หากใครเล่นสไตล์ไหน อาจจะต้องนำไปพลิกแพลงต่อยอดกันอีกทีนะจ๊ะ

หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของเจ้าแม่ฟรีแลนซ์ เคอเหยียนถิง หรืออีกชื่อหนึ่งคือCatseyenana ก่อนอื่นต้องขอสารภาพก่อนเลยว่าผู้เขียนรีวิวเห็นหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกบนชั้นวางหนังสือแล้วเดินผ่านไปไม่ได้สนใจอะไรเลย หน้าปกหนังสือสีม่วงๆ เห็นแล้วก็คิดว่าคงเป็นหนังสือคู่มือเรื่องรักๆทั่วไป แต่แล้วกลับรู้สึกสะดุดตาและสะดุดใจกับชื่อหนังสือตรงสันปกเป็นอย่างมาก ก็ใครกันเล่าจะอยากเป็นนางร้าย ผู้หญิงทุกคนย่อมอยากจะเป็นนางเอกกันทุกคน ตามทฤษฎีและความเป็นจริงแล้วจะมีใครอยากเป็นตัวร้ายกัน ดูตามละครโทรทัศน์จะเห็นได้ว่าตอนจบ นางเอกเท่านั้นที่จะได้สมหวังกับพระเอก ส่วนนางร้ายในแต่ละเรื่องก็ต้องมีจุดจบที่ไม่สวยกันเกือบทุกคน อยู่ที่ว่าระดับความน่าหมั่นไส้จะมากขนาดไหน แต่พอได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นอ่าน ผู้เขียนรีวิวถึงกับต้องอุทานออกมาว่าโอ้วแม่เจ้า ความคิดเก่าๆที่เคยติดอยู่ในสมองก้อนน้อยๆถึงกับเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด วางไม่ลงเลยจริงๆ นางร้ายที่ว่านี่ไม่ใช่คอยตามติดผู้ชายราวกับตังเมที่แยกไม่ออก หรือเป็นเหมือนหมากฝรั่งที่ติดรองเท้าที่มีแต่คนขยะแขยงรำคาญจะเขี่ยทิ้ง แต่หากมันล้ำลึกมากกว่านั้น ด้วยภาษาการบรรยายที่เข้าใจง่าย(ทั้งนี้ต้องขอชมผู้แปล คุณรำพรรณ รักศรีอักษรมากๆเลยค่ะ) อ่านแล้วไม่สะดุดติดขัดเลย หลายคนที่เคยผิดหวังในความรัก หรือคนที่คุยๆอยู่จู่ๆก็เปลี่ยนไปไม่สนใจ เคยส391งสัยกันมั๊ยคะว่าเพราะอะไร บางทีคุยๆกันอยู่ดีๆ อยู่มาวันนึงเขาก็ไม่สนใจเรา แต่กลับหันไปสนใจเพื่อนเราแทนซะแล้ว!!! คุณๆอาจจะมีคำถามภายในหัวว่า "เราทำอะไรผิด เราไม่ดีตรงไหน ทั้งๆที่เราก็จริงจังจริงใจ แต่ทำไมเขาถึงไม่สนใจเราเลย" ประโยคนี้ยังคงใช้ได้ดีค่ะ ที่ว่า "ทำดีได้ดี แต่อาจจะไม่ได้ใจ หากอยากจะได้ใจ ต้องทำอะไรๆให้ถูกใจเขา" หนังสือเล่มนี้จะแนะนำวิธีการเป็นนางร้ายแบบนางเอก(งงมั๊ยคะ) โดยที่คุณไม่ต้องเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องวิ่งไล่ตามผู้ชาย เป็นนางร้ายแบบสวยๆที่จะมีแต่คนรัก โลกเปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนแปลง วิธีเก่าๆเดิมๆอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว สมัยนี้ไม่ได้จีบกันทางจดหมายแล้วค่ะ หากอยากจะได้ใจใคร ต้องอัพเกรดวิธีการค่ะ เบื่อมั๊ยคะที่ต้องผิดหวังจากคนที่คุยด้วยอยู่บ่อยๆ เบื่อมั๊ยคะที่จะต้องเจอเหตุการณ์ที่เจ็บช้ำระทมทรวงอยู่ตลอด ลองเปลี่ยนวิธีแต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองดูมั๊ยคะ สาวๆพร้อมที่จะถูกรักหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว คู่มือเล่มนี้ถือเป็นคัมภีร์ที่คุณๆสมควรจะต้องเป็นเจ้าของ ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดูได้เลยค่ะ

หนึ่งในผลงานอันโดดเด่นของเจ้าแม่ฟรีแลนซ์ เคอเหยียนถิง หรืออีกชื่อหนึ่งคือCatseyenana ก่อนอื่นต้องขอสารภาพก่อนเลยว่าผู้เขียนรีวิวเห็นหนังสือเล่มนี้ครั้งแรกบนชั้นวางหนังสือแล้วเดินผ่านไปไม่ได้สนใจอะไรเลย หน้าปกหนังสือสีม่วงๆ เห็นแล้วก็คิดว่าคงเป็นหนังสือคู่มือเรื่องรักๆทั่วไป แต่แล้วกลับรู้สึกสะดุดตาและสะดุดใจกับชื่อหนังสือตรงสันปกเป็นอย่างมาก ก็ใครกันเล่าจะอยากเป็นนางร้าย ผู้หญิงทุกคนย่อมอยากจะเป็นนางเอกกันทุกคน ตามทฤษฎีและความเป็นจริงแล้วจะมีใครอยากเป็นตัวร้ายกัน ดูตามละครโทรทัศน์จะเห็นได้ว่าตอนจบ นางเอกเท่านั้นที่จะได้สมหวังกับพระเอก ส่วนนางร้ายในแต่ละเรื่องก็ต้องมีจุดจบที่ไม่สวยกันเกือบทุกคน อยู่ที่ว่าระดับความน่าหมั่นไส้จะมากขนาดไหน แต่พอได้ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ขึ้นอ่าน ผู้เขียนรีวิวถึงกับต้องอุทานออกมาว่าโอ้วแม่เจ้า ความคิดเก่าๆที่เคยติดอยู่ในสมองก้อนน้อยๆถึงกับเปลี่ยนความคิดใหม่ทั้งหมด วางไม่ลงเลยจริงๆ นางร้ายที่ว่านี่ไม่ใช่คอยตามติดผู้ชายราวกับตังเมที่แยกไม่ออก หรือเป็นเหมือนหมากฝรั่งที่ติดรองเท้าที่มีแต่คนขยะแขยงรำคาญจะเขี่ยทิ้ง แต่หากมันล้ำลึกมากกว่านั้น ด้วยภาษาการบรรยายที่เข้าใจง่าย(ทั้งนี้ต้องขอชมผู้แปล คุณรำพรรณ รักศรีอักษรมากๆเลยค่ะ) อ่านแล้วไม่สะดุดติดขัดเลย หลายคนที่เคยผิดหวังในความรัก หรือคนที่คุยๆอยู่จู่ๆก็เปลี่ยนไปไม่สนใจ เคยส391งสัยกันมั๊ยคะว่าเพราะอะไร บางทีคุยๆกันอยู่ดีๆ อยู่มาวันนึงเขาก็ไม่สนใจเรา แต่กลับหันไปสนใจเพื่อนเราแทนซะแล้ว!!! คุณๆอาจจะมีคำถามภายในหัวว่า "เราทำอะไรผิด เราไม่ดีตรงไหน ทั้งๆที่เราก็จริงจังจริงใจ แต่ทำไมเขาถึงไม่สนใจเราเลย" ประโยคนี้ยังคงใช้ได้ดีค่ะ ที่ว่า "ทำดีได้ดี แต่อาจจะไม่ได้ใจ หากอยากจะได้ใจ ต้องทำอะไรๆให้ถูกใจเขา" หนังสือเล่มนี้จะแนะนำวิธีการเป็นนางร้ายแบบนางเอก(งงมั๊ยคะ) โดยที่คุณไม่ต้องเสียความเป็นตัวของตัวเอง ไม่ต้องวิ่งไล่ตามผู้ชาย เป็นนางร้ายแบบสวยๆที่จะมีแต่คนรัก โลกเปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนแปลง วิธีเก่าๆเดิมๆอาจจะใช้ไม่ได้แล้ว สมัยนี้ไม่ได้จีบกันทางจดหมายแล้วค่ะ หากอยากจะได้ใจใคร ต้องอัพเกรดวิธีการค่ะ เบื่อมั๊ยคะที่ต้องผิดหวังจากคนที่คุยด้วยอยู่บ่อยๆ เบื่อมั๊ยคะที่จะต้องเจอเหตุการณ์ที่เจ็บช้ำระทมทรวงอยู่ตลอด ลองเปลี่ยนวิธีแต่ไม่สูญเสียความเป็นตัวของตัวเองดูมั๊ยคะ สาวๆพร้อมที่จะถูกรักหรือยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว คู่มือเล่มนี้ถือเป็นคัมภีร์ที่คุณๆสมควรจะต้องเป็นเจ้าของ ลองหยิบหนังสือเล่มนี้ไปอ่านดูได้เลยค่ะ